ข่าวประชาสัมพันธ์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ มอบ 100 ทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนไทย

กรุงเทพฯ – 5 มกราคม 2567: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มอบทุนการศึกษา 100 ทุน ให้แก่เด็กนักเรียนไทย ผ่านโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษา ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้ทำตามความฝันและยกระดับคุณภาพชีวิต โดยทุนการศึกษาทั้งหมดมอบให้แก่เด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน สอดคล้องกับปณิธานของบริษัทฯ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาและพร้อมตอบแทนสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง มร. ชิน คุโบะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการศึกษาสามารถจะยกระดับคุณภาพชีวิตได้ และช่วยสร้างผลกระทบด้านบวกต่อการพัฒนาประเทศไทยในทุกมิติ การริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ด้วยการร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) คือโครงการเพื่อสังคมโครงการแรกของมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สอดคล้องกับความมุ่งมั่นและปณิธานของเราที่จะ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’” “เรามอบทุนการศึกษาทั้งหมด 100 ทุนให้แก่นักเรียนทุกปีผ่านโครงการนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา เรามีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องทุกปีเพื่อสนับสนุนเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี และสามารถใช้ประโยชน์จากทุนเพื่อการศึกษาต่อและเติบโตขึ้นเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในอนาคต” มร. คุโบะ กล่าวเพิ่มเติม โครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ด้วยความร่วมมือกับกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีเป้าหมายเพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1-3 ในประเทศไทยที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อีกทั้ง ต้องการการสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน ในปี 2566 มีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน 79 คนในจังหวัดชลบุรี และนักเรียนที่กำลังศึกษา อยู่ในจังหวัดปทุมธานีอีก 21 คน โดยเด็กนักเรียนทั้งหมดที่ได้รับทุนกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่อยู่ใน พื้นที่ตั้งของศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และอยู่ในพื้นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี สำหรับโครงการนี้ ได้ดำเนินการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนมาแล้ว 4 ปีติดต่อกัน รวมทั้งสิ้น 374 ทุน รวมมูลค่า 1.68 ล้านบาท ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์เพียงรายเดียวที่มีความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ณ พิธีมอบทุนการศึกษาที่จังหวัดปทุมธานี น้อง ๆ นักเรียนยังได้มีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และ DENDO DRIVE HOUSE ซึ่งสาธิตระบบการชาร์จไฟสองทิศทาง ทำให้รถอเนกประสงค์รุ่นนี้สามารถใช้เป็นแหล่งจัดเก็บพลังงานเคลื่อนที่และจ่ายไฟฟ้ากลับสู่ที่พักอาศัยได้ นอกจากนี้ น้องๆนักเรียนยังได้สัมผัสความปราดเปรียวและสมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลังของ รถออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และ รถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่เด็กนักเรียนในจังหวัดชลบุรียังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงาน 2 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของบริษัทฯ นางสาววิภาวี บุรุษหงส์ หัวหน้ายุทธศาสตร์ การมีส่วนร่วมและการระดมทุน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า “ในนามของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อร่วมสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นปีที่ 4 โดยในปีนี้ เราได้ร่วมสร้างโอกาสให้แก่ น้อง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและปทุมธานี รวม 100 ทุน ที่ผ่านมา กสศ. ได้พยายามสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนความเสมอภาคทางการศึกษาภายใต้หลักคิดปวงชนเพื่อการศึกษา หรือ All for Education เราพยายามกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ในการหยุดปัญหาความยากจนข้ามรุ่น และสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาเพื่อให้เด็ก ๆ ที่มีความฝันและเปี่ยมด้วยศักยภาพได้มีอนาคตที่ดีขึ้นต่อไป” มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2563 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยด้วยการดำเนินงานผ่านหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ความรับผิดชอบต่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในไทย มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์

กรุงเทพฯ – 21 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดนครราชสีมา จัดเต็มความสุขและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์ตัวจริงและสายแคมป์มือใหม่ ด้วยหลากหลายกิจกรรมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กชอปงานศิลปะ อาทิ การพับกระดาษแบบญี่ปุ่นโอริกามิ (Origami) และ ว่าว Crafty Kite กิจกรรมทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิ หลากหลายรุ่น ในฐานทดสอบที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงสัมผัสที่สุดแห่งประสบการณ์ความเร้าใจกับการนั่งรถบนสนามทดสอบเส้นทางธรรมชาติ โดยฝีมือการขับของ ‘โอม’ ชยพล โยธา เจ้าของแชมป์ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2022 มร. อินาบะ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้าผ่านการจัดกิจกรรม Star Camp ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น นับตั้งแต่ที่ได้เริ่มจัดครั้งแรกในปี 2534 โดยตลอด 32 ปีที่ผ่านมา กิจกรรมนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ต่อแนวคิด ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการสร้างประสบการณ์การขับขี่ เพื่อเติมเต็มความสนุกเร้าใจให้กับการใช้งานที่แตกต่างหลากหลายของลูกค้า” “ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกที่ได้ริเริ่มจัดกิจกรรม Star Camp นอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งงานนี้ช่วยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ชื่นชอบการออกทริปเอาท์ดอร์ได้ใช้เวลาคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจร่วมกันกับครอบครัวและเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ต่อการสร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลาย โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวแรกที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้สนุกไปกับกิจกรรมพิเศษจากพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้งและสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำมากมาย ได้แก่ โคลแมน ทีเจเอ็ม มอเตอร์โฮม แอนด์ คาราวาน และ แครี่บอย ซึ่งมีทั้งการสาธิตใช้งานเต็นท์หลังคารถ และการจัดแสดงอุปกรณ์แบบพกพาสำหรับใช้งานกลางแจ้ง พร้อมจัดเต็มกับปาร์ตี้มื้อค่ำ และมินิคอนเสิร์ตจากแพรว คณิตกุล ลูกค้าและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ มุ่งสร้างสังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ – 19 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทางภาคตะวันตกแห่งแรก และเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 7 ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ จากเป้าหมายที่มุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ขนาด 50 กิโลวัตต์ ให้แก่แต่ละโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ ตามแนวทางโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมด้าน ‘สิ่งแวดล้อม’ ที่มุ่งสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ของแผนการดำเนินงานเพื่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ ผ่านหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ มร. ยาซุโนริ โคะยะนะกิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่ง ฝ่ายบริการหลังการขาย และฝ่ายบริการข้อมูลเทคนิค บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ได้รับการริเริ่มขึ้นในปี 2565 โดยเกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนของเรา ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) มีเป้าหมายในการมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนให้กับโรงพยาบาล และยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีให้กับคนไทย พร้อมส่งเสริมเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนเป็นกลาง ทั้งนี้ เราได้วางแผนใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 60 ล้านบาทเพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ รวมถึงค่าบำรุงรักษาในโรงพยาบาลชุมชน 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ โดยคาดว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ยได้กว่า 30 ตันคาร์บอนต่อปี” นายแพทย์ชัช จันทร์ขำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และพันธมิตรผู้สนับสนุนโครงการทุกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่ทางโรงพยาบาล ซึ่งช่วยให้ค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลลดลงหลังจากการติดตั้ง ทำให้เราสามารถนำงบประมาณส่วนนี้มาพัฒนาการดำเนินงานส่วนต่าง ๆ ของโรงพยาบาล เพื่อให้บริการและดูแลคนในชุมชนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ชุมชนของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น” นายแพทย์กฤษดา วุธยากร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเสริมว่า “ในฐานะตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรโครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ถือได้ว่าโครงการนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนาประเทศชาติให้ได้ใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลชุมชนแต่ละแห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้สูงสุดถึง 400,000 บาทต่อปี โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำมาซึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีเป้าหมายที่จะมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายใน 10 ปี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ โดยที่ผ่านมา ได้ทำการส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ ให้กับโรงพยาบาลชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง โรงพยาบาลวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลปง จังหวัดพะเยา โรงพยาบาลชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ให้ลูกค้าสนุกกับการขับขี่เหนือระดับ ด้วยการทดลองขับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ในงาน “เอ็กซ์พีเรียนซ์ เดย์ พลัส” XPERIENCE DAY+ คันที่ใช่ กับไลฟ์สไตล์ที่ชอบ

กรุงเทพฯ – 17 สิงหาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอบความประทับใจให้ลูกค้าด้วยประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ กับการทดลองขับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ในงาน “เอ็กซ์พีเรียนซ์ เดย์ พลัส” XPERIENCE DAY+ คันที่ใช่ กับไลฟ์สไตล์ที่ชอบ งาน “เอ็กซ์พีเรียนซ์ เดย์ พลัส” XPERIENCE DAY+ คันที่ใช่ กับไลฟ์สไตล์ที่ชอบ จัดขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ รวมทั้งสิ้น 4 วัน 4 ภาค โดยส่งท้ายกิจกรรมความสนุกกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลูกค้าที่เข้าร่วมงานต่างรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจที่ได้สัมผัสกับสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น จากการทดลองขับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส บนสนามทดสอบรถยนต์ที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ลูกค้ายังรู้สึกประทับใจในดีไซน์ที่หรูหราด้วยเอกลักษณ์ที่แตกต่างของรถทั้งสองรุ่นนี้อีกด้วย โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ที่โดดเด่นในด้านความหรูหรา สะดวกสบาย สามารถครองใจครอบครัวยุคใหม่ ที่ต้องการมองหารถอเนกประสงค์ที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ขณะที่ผู้ขับขี่ที่รักการผจญภัยและออกทริปเอาท์ดอร์ ต่างรู้สึกประทับใจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ใหม่สไตล์โฉบเฉี่ยว ขับสนุกสไตล์สปอร์ต หรูหรา สะดวกสบาย ให้ความปลอดภัย สไตล์เอสยูวี ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นระบบการขับขี่สุดล้ำสมัย เสริมความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย “ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง” (Active Yaw Control: AYC) ช่วยควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง เพิ่มความปลอดภัยและเสถียรภาพในการขับขี่ ให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้มากกว่าเดิม พร้อมลุยในหลากหลายสภาพถนนและสภาพอากาศที่แตกต่าง ลูกค้าที่สนใจ สามารถชม มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ทั้ง 2 รุ่น ได้ที่โชว์รูม มิตซูบิชิ มอเตอร์ ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้า 5 รางวัล สถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานเป็นศูนย์ ประจำปี 2566 จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

กรุงเทพฯ – 23 สิงหาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด นำโดย นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปี 2566 (Zero Accident Campaign 2023) จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงแรงงาน เป็นผู้มอบรางวัลในพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในงานสัปดาห์ความปลอดภัยแห่งชาติ ครั้งที่ 35 ด้วยการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่มีมาตรฐานระดับโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น ได้รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปีนี้ทั้งหมด 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลระดับแพลทินัมสำหรับโรงงาน 3 รางวัลระดับทองสำหรับโรงงาน 1 และ 2 และโรงงานเครื่องยนต์ รวมถึงรางวัลระดับทองแดงสำหรับโรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติก โรงงาน 3 ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับแพลทินัม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเพื่อยกย่องการดำเนินงานที่มีชั่วโมงปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 29 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นเวลา 2 ปีต่อเนื่องกัน โรงงานเครื่องยนต์คว้ารางวัลโล่เกียรติยศระดับทองซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นจากรางวัลโล่เกียรติยศระดับเงินที่ได้รับก่อนหน้านี้ด้วยการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 10.6 ล้านชั่วโมงทำงาน โล่เกียรติยศระดับทองยังเป็นของโรงงาน 1 และ 2 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 47.1 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับทองแดง 2 รางวัล ได้แก่โรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 1.1 ล้านชั่วโมงเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติกที่มีชั่วโมงการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 2.7 ล้านชั่วโมงต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ที่ได้รับในปีนี้มาจากความร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน ซึ่งมีการค้นหาความเสี่ยงในที่ทำงานรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การปรับปรุงแก้ไขโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและลดความเสี่ยงในบริเวณพื้นที่ทำงานทุกจุด เราดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ส่งผลให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รักษามาตรฐานความปลอดภัยและ มีอุบัติเหตุเป็นศูนย์ต่อไป” “นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยของพนักงานในการเดินทางมายังที่ทำงานและกลับไปที่พักอาศัย เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีความปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลาทำงาน รางวัลความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของพนักงานในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ และจะเป็นต้นแบบสำคัญให้แต่ละโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นายกิตติ เสริม กิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Campaign) เป็นแนวคิดริเริ่มของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) มุ่งรณรงค์ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีความมุ่งมั่นในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า “อุบัติเหตุที่มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับการทำงานสามารถป้องกันได้” โดยการลดสถิติการประสบอุบัติเหตุในสถานประกอบกิจการให้เป็นศูนย์ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมฉลองชัยชนะครั้งแรกของรถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท คว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม จากศึกแรลลี่สุดหฤโหด “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” พร้อมจัดแสดงรถแข่ง ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่งาน Big Motor Sale 2

กรุงเทพฯ – 25 สิงหาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองชัยชนะจากการแข่งขัน “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” ตอกย้ำจิตวิญญาณของความเร้าใจสไตล์มอเตอร์สปอร์ต ด้วยดีเอ็นเอสายเลือดแชมป์แรลลี่ ที่โชว์ศักยภาพขีดสุดของสมรรถนะออล-นิว ไทรทัน โดยทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกของรถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ โดยรถแข่งทั้งหมดของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถเข้าเส้นชัยและทำเวลาได้ดีกว่าทีมอื่นๆ ที่ส่งรถเข้าแข่งขัน 2 คันขึ้นไป การคว้าชัยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะ ความแข็งแกร่ง และความทนทานของออล-นิว ไทรทัน ในการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้อย่างยอดเยี่ยม ในศึก “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” รถแข่งหมายเลข #101 ขับแข่งโดย “โอห์ม” ชยพล โยธา โดยมี “ต่อ” พีรพงษ์ สมบัติวงศ์ เป็น Co-driver คู่ใจ ร่วมกันคว้ารางวัลอันดับที่ 3 ประเภทบุคคล มาได้สำเร็จ ขณะที่ มร. คัตซูฮิโกะ ทากูชิ และ มร. ทาคาฮิโระ ยาสุอิ จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #112 เข้าสู่เส้นชัยในอันดับที่ 8 ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีมมาครอง พร้อมตอกย้ำสมรรถนะที่เหนือกว่าของ รถกระบะรุ่นใหม่ ด้วยผลงานของ มร. ริฟัต ซุงการ์ จากอินโดนีเซีย และชูพงศ์ ชัยวรรณ กับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #106 ที่เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 32 โดยทั้งคู่ยังสามารถทำเวลาเข้าเส้นชัยในอันดับสูงสุดในการแข่งขันวันที่ 5 (SS 5) อีกด้วย ทั้งนี้ การแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 – 19 สิงหาคม 2566 ในประเทศไทย และ สปป.ลาว มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราทุกคนภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท และสมรรถนะของ ออล-นิว ไทรทัน ที่ได้รับการปฏิวัติมาใหม่ทุกอณู รางวัลที่ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท คว้ามาครองและผลงานของนักแข่ง แสดงถึงศักยภาพของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งในด้านสมรรถนะและความทนทาน แม้จะมีระยะเวลาการเตรียมตัวที่ค่อนข้างจำกัด ผลลัพธ์อันน่าภาคภูมิใจนี้ที่ได้สะท้อนถึงสมรรถนะที่เหนือกว่าของรถกระบะรุ่นใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี และเมื่อผสานกับความสามารถของนักแข่งและทีมงานสนับสนุน เราหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์ในปีหน้าได้สำเร็จ และที่สำคัญ เราจะใช้ข้อมูลและประสบการณ์จากการแข่งขัน เพื่อนำมาใช้พัฒนาการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่จะขายในตลาดต่อไปในอนาคต” “นอกจากออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แล้ว รถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ล้วนได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของดีเอ็นเอสายเลือดแชมป์แรลลี่ จิตวิญญาณที่มุ่งมั่นสู่ชัยชนะและความทุ่มเทสู่การเป็นแชมป์ คือพลังขับเคลื่อนการพัฒนารถยนต์ทุกรุ่นของเรา เพราะชัยชนะของเราคือชัยชนะของทุกคน รวมถึงลูกค้าของเราด้วย รถยนต์เหล่านี้ได้รับการจัดแสดงที่งาน Big Motor Sale 2023 ทั้งออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของเราที่มีมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส” มร. โคอิโตะ กล่าวเพิ่มเติม ไฮไลท์ภายในงาน Big Motor Sale 2023 คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันด้วยการหลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อมอบความปลอดภัย มั่นใจ และสะดวกสบายในการขับขี่ภายใต้สภาพอากาศและสภาพถนนที่หลากหลาย ทั่วโลก ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน มาพร้อมการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่สะท้อนความทรงพลัง มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งยิ่งกว่า และโครงสร้างเมกาเฟรมที่มีน้ำหนักเบา เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ มีพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งและสมรรถนะที่เป็นเลิศ พร้อมความประหยัดน้ำมัน ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ของมิตซูบิชิ มอบความสวยงามผสานความสะดวกสบาย ใช้งานง่ายและทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เจนเนอเรชั่นที่ 6 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะปฏิวัติวงการรถกระบะและสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับรถกระบะระดับโลกอย่างแท้จริง หนึ่งในรุ่นย่อยที่ได้รับการจัดแสดงคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ โดดเด่นด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งบึกบึน สไตล์เส้นสายแนวราบ และการผสมผสานไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เข้ากับไฟส่องสว่างหน้าแบบมัลติโปรเจคเตอร์ LED เพื่อความทันสมัยและทรงพลัง ภายในห้องโดยสารไม่เพียงมีระบบชาร์จไร้สาย ยังมีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสคมชัดระดับ Full HD ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก(Limited Slip Differential – Brake Control Type) ระบบความปลอดภัยเพียบพร้อมด้วยถุงลม 7 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL) รวมถึงระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System: ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA) นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ‘DIAMOND SENSE’ ประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation: FCM) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist: BSW with LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) และกล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) รุ่นดับเบิ้ลแค็บที่จัดแสดงอีกรุ่นหนึ่ง คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ 2.4 ไพร์ม ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ "SUPER SELECT 4WD II" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ นอกจากนี้ ยังเป็นรถกระบะคันแรกในประเทศไทยที่ผสานระบบ Active Yaw Control (AYC) ที่ช่วยเพิ่มความสมดุลขณะเข้าโค้ง โดยระบบจะควบคุมการทำงานของล้อด้านในโค้งกับล้อด้านนอกโค้งให้หมุนสัมพันธ์กัน เพื่อรักษาเสถียรภาพการเข้าโค้งอย่างแม่นยำ ควบคู่ไปกับโหมดการขับขี่ 7 โหมด สิ่งเหล่านี้มอบความสามารถในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ดีเยี่ยมทั้งออนโรดและออฟโรด ทำให้มั่นใจ ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้นทุกการเดินทาง อีกหนึ่งรุ่นย่อยคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ 2.4 โปร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Easy Select 4WD พร้อมระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก(Limited Slip Differential – Brake Control Type) ภายในห้องโดยสารมีระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เบาะนั่งตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มระดับพรีเมียม ระบบความปลอดภัยได้แก่ถุงลม 3 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก(Anti-lock Braking System: ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA) รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) สีภายนอกมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Solid White สีเงิน Blade Silver สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica ภายในบูธยังมี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา “ออล วีล คอนโทรล” (All Wheel Control: AWC) สุดอัจฉริยะ ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนจากแบบ 2 ล้อ เป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้ในทันที แม้ในขณะที่ตัวรถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และยังสามารถคงการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้อย่างต่อเนื่องในความเร็วสูง ซึ่งแตกต่างอย่างโดดเด่นจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั่วๆ ไป ทั้งยังช่วยเสริมสมรรถนะการเกาะถนนและการทรงตัว ให้ควบคุมตัวรถได้ง่ายดายและคล่องตัวบนทุกสภาพถนน รวมถึงถนนที่เปียกหรือลื่น เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและรื่นรมย์ สุดมั่นใจและปลอดภัยยิ่งกว่าโดยเฉพาะขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง และยังช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในขณะที่เดินทางระยะไกล ซึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สุดอัจฉริยะ ระดับตำนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส นี้ ก็เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ใน ออล-นิว ไทรทัน เช่นกัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 MIVEC ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift ช่วงล่างโครงสร้างคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าพร้อมแผงตกแต่งใต้กันชนหน้าและหลังสีดำ ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-time All Wheel Control เพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีระบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน All-Round Advanced Safety Technology ภายในห้องโดยสารเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพกับระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mitsubishi Power Sound System เบาะหนังสังเคราะห์พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ และเทคโนโลยีระบบปรับอากาศ nanoeTMX ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ตลอดทุกเส้นทาง มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส รถยนต์รุ่นยอดนิยมก็ได้รับการจัดแสดงภายในบูธเช่นกัน ผสานความสมบูรณ์แบบระหว่างดีไซน์ที่โดดเด่นและรองรับการใช้งานอย่างเต็มที่ นิยามของความลงตัวระหว่างรถเอสยูวีและรถครอสโอเวอร์ ใช้วัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมียมที่มอบสไตล์ที่สะดุดตาและความสปอร์ตทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสาร มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) มอบการขับขี่ที่มีเสถียรภาพด้วยการควบคุมพละกำลังและแรงดันเบรกทั้งล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง เพื่อยกระดับความปลอดภัยและการยึดเกาะถนน รวมถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน(Hill-Start Assist: HSA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ (Emergency Stop Signal System: ESS) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้างประตู และการปกป้องคนเดินถนน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 220 มม. ซึ่งสูงที่สุดในระดับเดียวกัน จึงเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัวทันสมัยและผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย นอกจากนี้ยังมีแคมเปญพิเศษ ‘Early Bird Package’ สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ภายในงานนี้ เพื่อเพิ่มความสนุกในการเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ก่อนใคร โดยสามารถเลือกรับฟรีอุปกรณ์ตกแต่งแท้หรือรับสิทธิพิเศษสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์เสริม สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2566 และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 จะได้รับสิทธิพิเศษดังนี้ ฟรี ชุดแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งแท้ “TRAIL PACKAGE” สำหรับรุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง และ 4WD การสนับสนุนค่าใช้จ่าย “WHEEL & TIRE PACKAGE” สำหรับการซื้อและติดตั้งล้ออัลลอย และ/หรือเปลี่ยนยางรถยนต์ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับรุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ A04 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่งาน Big Motor Sale 2023 ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2566 ที่ฮอลล์ EH101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและการทดลองขับ กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.co.th หรือติดต่อ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 02-079-9500