ข่าวประชาสัมพันธ์

สื่อมวลชนทดสอบสมรรถนะ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ พิสูจน์นิยามใหม่ของครอสโอเวอร์

กรุงเทพฯ – 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบขับให้แก่สื่อมวลชน บนเส้นทางการขับขี่ที่จัดขึ้นเพื่อท้าพิสูจน์สมรรถนะของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ นิยามใหม่ของรถครอสโอเวอร์ ซึ่งเป็นเซกเมนต์รถยนต์ที่บุกเบิกขึ้นใหม่ในประเทศไทยโดย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่นี้มาพร้อมรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวล้ำอนาคตด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น และห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน

มร. โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ นิยามใหม่ของครอสโอเวอร์ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยได้ถ่ายทอดความแข็งแกร่งและแรงบันดาลใจอันสร้างสรรค์เพื่อสร้างเซกเมนต์ใหม่ เราผสานสมรรถนะอันแข็งแกร่งแบบรถครอสโอเวอร์เข้าไว้กับความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลายเพื่อช่วยสร้างโอกาสที่มากขึ้นให้แก่ลูกค้าได้ค้นพบทุกความต้องการในชีวิต”

นิยามใหม่ของครอสโอเวอร์นี้ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญในการพัฒนารถอเนกประสงค์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ใหม่ มีความสูงจากพื้นมากกว่ารถยนต์ในรุ่นเดียวกันโดยอยู่ที่ 205 มม. (สำหรับล้ออัลลอย 16 นิ้ว) เพื่อเพิ่มศักยภาพการบุกตะลุยได้บนหลากหลายสภาพเส้นทาง พร้อมข้ามผ่านได้ทุกอุปสรรค และช่วยให้ฝ่าสภาพน้ำท่วมขังได้อย่างปลอดภัย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ยังมีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่าซึ่งไม่เพียงเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยบนท้องถนนแต่ยังมอบห้องโดยสารมีความกว้างขวางมากขึ้น คุณสมบัติเหล่านี้ถูกพัฒนาไว้ในตัวรถที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับตำแหน่งที่นั่งขับขี่ที่สูงกว่า

สื่อมวลชนไทยที่เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม เพื่อให้สื่อมวลชนทุกท่านได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ ประสิทธิภาพในการควบคุม ความกว้างขวาง และความสะดวกสบายของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ บนเส้นทางสภาพถนนจริงเป็นระยะทางรวมกว่า 3,000 กิโลเมตร โดยคณะสื่อมวลชนจะได้มีโอกาสทดสอบขับขี่มีตั้งแต่ระยะ 400 กิโลเมตรไปจนถึง 600 กิโลเมตร ผ่านหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือสุดที่จังหวัดเชียงราย ผ่านหลายจังหวัดในภาคเหนือมุ่งสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และขับไปตามเส้นทางในภาคกลาง ก่อนจะลัดเลาะลงมาจนถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีในภาคใต้

กำหนดการทดสอบขับดังต่อไปนี้
กลุ่ม วันที่ เส้นทาง
1. 9-10 ก.ค. 2561 เชียงราย พะเยา แพร่ สุโขทัย
2. 11-12 ก.ค. 2561 พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น
3. 16-17 ก.ค. 2561 บุรีรัมย์ นครราชสีมา ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา กรุงเทพฯ
4. 19-20 ก.ค. 2561 กรุงเทพฯ ปทุมธานี อยุธยา นครสวรรค์
5. 23-24 ก.ค. 2561 กรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง
6. 25-56 ก.ค. 2561 ชุมพร สุราษฎร์ธานี

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ จะได้รับการทดสอบสมรรถนะทั้งบนเส้นทางลูกรัง ถนนทางหลวง และสภาพการจราจรที่หนาแน่นในเมือง นอกจากนี้ยังมีเส้นทางขึ้นลงเขาสูงชันและคดเคี้ยวเพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะเหนือชั้นของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ รวมถึงเปิดโอกาสให้พิสูจน์พละกำลังและอัตราเร่งอย่างเต็มที่ นอกจากนี้สื่อมวลชนส่วนหนึ่งยังได้ร่วมกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มอบการสนับสนุนให้แก่โรงเรียนวัดบางเคียนในจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยการร่วมกันปรับปรุงอาคารเรียน พร้อมบริจาคอุปกรณ์การกีฬาและเครื่องกรองน้ำ ซึ่งยังเป็นการทดสอบศักยภาพการบรรทุกสัมภาระไว้ในเนื้อที่อันกว้างขวางของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ อีกด้วย

นอกเหนือไปจากสมรรถนะและความสะดวกสบายในการขับขี่แล้ว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ที่ล้ำสมัย โดดเด่น ดึงดูดทุกสายตา ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ ที่พร้อมปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ร่วมใช้เส้นทาง ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบ ‘Form Follows Function’ หรือ ‘รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน’ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ มีความลงตัวด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวผสานเข้ากับความแข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยระบบความปลอดภัย

คุณสมบัติการใช้งานและความปลอดภัยที่ได้รับจากดีไซน์แบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ ใน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ปรากฏให้เห็นชัดเจนที่ด้านหน้าและตำแหน่งของไฟหน้าขณะที่ไฟหรี่แบบ Crystal LED ถูกติดตั้งอยู่ด้านบนของฝากระโปรงและเยื้องมาด้านหน้าซุ้มล้อจึงช่วยให้ผู้ใช้ทางเท้าและยานพาหนะอื่น ๆ สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น ไฟหน้าติดตั้งในกันชนหน้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนสายตาผู้ใช้ทางเท้ารวมถึงผู้ขับขี่ยานพาหนะที่สวนมา มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ รุ่นจีที ยังมาพร้อมไฟตัดหมอกหน้า มือเปิดประตูโครเมียม คิ้วขอบกระจกประตู และแผงกันกระแทกด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงคิ้วขอบประตูด้านล่างข้างตัวรถ

ภายในห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ นิยามใหม่ของครอสโอเวอร์ มอบอารมณ์โลกยานยนต์ล้ำยุคที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายและมีความกว้างขวางที่สุดในระดับเดียวกัน ด้วยมิติในห้องโดยสารที่กว้างที่สุดและสูงที่สุด มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ สามารถปรับเบาะที่นั่งที่ได้อย่างอเนกประสงค์ รองรับผู้โดยสาร 7 คนด้วยพื้นที่ช่วงขาและช่วงไหล่พร้อมให้ความกว้างขวางสะดวกสบาย อีกทั้งยังปกป้องผู้โดยสารจากเสียงรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยมและสามารถพับเบาะราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาจากแนวคิด “โอโมเตะนาชิ” (Omotenashi) หรือการดูแลและใส่ใจในทุกรายละเอียดแบบญี่ปุ่น เพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสาร ห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ จึงเปี่ยมด้วยความอเนกประสงค์ ทันสมัยและรองรับการใช้งานได้อย่างครบครันด้วยช่องจัดเก็บของมากมายและช่องชาร์จกระแสไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้งกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออก และสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบสามมิติ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง มีระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว และเบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว (เฉพาะรุ่นจีที) การออกแบบภายในห้องโดยสารเป็นไปตามอัตลักษณ์ดีไซน์แบบแนวราบ (Horizontal Axis) ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการจัดเรียงแผงควบคุมทั้งหมดช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์การขับเคลื่อนของตัวรถ พร้อมกับช่วยเพิ่มทัศนวิสัยด้านหน้าและมอบความปลอดโปร่งยิ่งขึ้นแก่ห้องโดยสาร

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อลูมินัมอัลลอยเบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมทุกการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ล้ออัลลอยแบบสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่นจีที) พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดที่ได้รับการพัฒนาเพื่อถ่ายทอดพละกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ มาพร้อมช่วงล่างแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้าและทอร์ชันบีมที่ด้านหลัง มอบสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม

เช่นเดียวกับรถยนต์ของมิตซูบิชิทุกรุ่น มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยทั้งในเชิงป้องกันและปกป้อง ได้แก่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC-Active Stability Control) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL-Traction Control System) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA-Hill Start Assist System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS-Anti Lock Braking System) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD-Electronic Brake Force Distribution) พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA-Brake Assist) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS-Emergency Stop Signal System) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง รุ่นสูงสุดยังมาพร้อมกับกล้องมองภาพด้านหลัง

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ คือหนึ่งในรถยนต์มิตซูบิชิที่ได้รับการถ่ายทอดกลยุทธ์แบรนด์ระดับโลก Drive your Ambition นิยามใหม่ของครอสโอเวอร์นี้ผสมผสานจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยเข้ากับความกล้าท้าทายขอบเขตการออกแบบและขีดจำกัดของเทคโนโลยี ด้วยดีไซน์ที่สะดุดตาและสมรรถนะที่เหนือระดับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ขับขี่เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จตลอดไป

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะทำการเปิดตัว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ นิยามใหม่ของครอสโอเวอร์ อย่างเป็นทางการในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561 นี้ ที่ BIG MOTOR SALE 2018 มหกรรมยานยนต์เพื่อการขายแห่งชาติ ณ ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติไบเทค บางนา และพร้อมจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่เครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

###

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยี เพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2558 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เฉลิมฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 4 ล้านคัน ผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยประกอบด้วย รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน รถพีพีวี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต และรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด 
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด

ความคิดเห็น

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ มอบ 100 ทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนไทย

กรุงเทพฯ – 5 มกราคม 2567: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มอบทุนการศึกษา 100 ทุน ให้แก่เด็กนักเรียนไทย ผ่านโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษา ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้ทำตามความฝันและยกระดับคุณภาพชีวิต โดยทุนการศึกษาทั้งหมดมอบให้แก่เด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน สอดคล้องกับปณิธานของบริษัทฯ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาและพร้อมตอบแทนสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง มร. ชิน คุโบะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการศึกษาสามารถจะยกระดับคุณภาพชีวิตได้ และช่วยสร้างผลกระทบด้านบวกต่อการพัฒนาประเทศไทยในทุกมิติ การริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ด้วยการร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) คือโครงการเพื่อสังคมโครงการแรกของมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สอดคล้องกับความมุ่งมั่นและปณิธานของเราที่จะ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’” “เรามอบทุนการศึกษาทั้งหมด 100 ทุนให้แก่นักเรียนทุกปีผ่านโครงการนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา เรามีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องทุกปีเพื่อสนับสนุนเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี และสามารถใช้ประโยชน์จากทุนเพื่อการศึกษาต่อและเติบโตขึ้นเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในอนาคต” มร. คุโบะ กล่าวเพิ่มเติม โครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ด้วยความร่วมมือกับกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีเป้าหมายเพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1-3 ในประเทศไทยที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อีกทั้ง ต้องการการสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน ในปี 2566 มีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน 79 คนในจังหวัดชลบุรี และนักเรียนที่กำลังศึกษา อยู่ในจังหวัดปทุมธานีอีก 21 คน โดยเด็กนักเรียนทั้งหมดที่ได้รับทุนกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่อยู่ใน พื้นที่ตั้งของศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และอยู่ในพื้นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี สำหรับโครงการนี้ ได้ดำเนินการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนมาแล้ว 4 ปีติดต่อกัน รวมทั้งสิ้น 374 ทุน รวมมูลค่า 1.68 ล้านบาท ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์เพียงรายเดียวที่มีความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ณ พิธีมอบทุนการศึกษาที่จังหวัดปทุมธานี น้อง ๆ นักเรียนยังได้มีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และ DENDO DRIVE HOUSE ซึ่งสาธิตระบบการชาร์จไฟสองทิศทาง ทำให้รถอเนกประสงค์รุ่นนี้สามารถใช้เป็นแหล่งจัดเก็บพลังงานเคลื่อนที่และจ่ายไฟฟ้ากลับสู่ที่พักอาศัยได้ นอกจากนี้ น้องๆนักเรียนยังได้สัมผัสความปราดเปรียวและสมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลังของ รถออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และ รถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่เด็กนักเรียนในจังหวัดชลบุรียังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงาน 2 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของบริษัทฯ นางสาววิภาวี บุรุษหงส์ หัวหน้ายุทธศาสตร์ การมีส่วนร่วมและการระดมทุน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า “ในนามของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อร่วมสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นปีที่ 4 โดยในปีนี้ เราได้ร่วมสร้างโอกาสให้แก่ น้อง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและปทุมธานี รวม 100 ทุน ที่ผ่านมา กสศ. ได้พยายามสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนความเสมอภาคทางการศึกษาภายใต้หลักคิดปวงชนเพื่อการศึกษา หรือ All for Education เราพยายามกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ในการหยุดปัญหาความยากจนข้ามรุ่น และสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาเพื่อให้เด็ก ๆ ที่มีความฝันและเปี่ยมด้วยศักยภาพได้มีอนาคตที่ดีขึ้นต่อไป” มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2563 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยด้วยการดำเนินงานผ่านหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ความรับผิดชอบต่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในไทย มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์

กรุงเทพฯ – 21 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดนครราชสีมา จัดเต็มความสุขและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์ตัวจริงและสายแคมป์มือใหม่ ด้วยหลากหลายกิจกรรมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กชอปงานศิลปะ อาทิ การพับกระดาษแบบญี่ปุ่นโอริกามิ (Origami) และ ว่าว Crafty Kite กิจกรรมทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิ หลากหลายรุ่น ในฐานทดสอบที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงสัมผัสที่สุดแห่งประสบการณ์ความเร้าใจกับการนั่งรถบนสนามทดสอบเส้นทางธรรมชาติ โดยฝีมือการขับของ ‘โอม’ ชยพล โยธา เจ้าของแชมป์ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2022 มร. อินาบะ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้าผ่านการจัดกิจกรรม Star Camp ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น นับตั้งแต่ที่ได้เริ่มจัดครั้งแรกในปี 2534 โดยตลอด 32 ปีที่ผ่านมา กิจกรรมนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ต่อแนวคิด ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการสร้างประสบการณ์การขับขี่ เพื่อเติมเต็มความสนุกเร้าใจให้กับการใช้งานที่แตกต่างหลากหลายของลูกค้า” “ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกที่ได้ริเริ่มจัดกิจกรรม Star Camp นอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งงานนี้ช่วยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ชื่นชอบการออกทริปเอาท์ดอร์ได้ใช้เวลาคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจร่วมกันกับครอบครัวและเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ต่อการสร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลาย โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวแรกที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้สนุกไปกับกิจกรรมพิเศษจากพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้งและสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำมากมาย ได้แก่ โคลแมน ทีเจเอ็ม มอเตอร์โฮม แอนด์ คาราวาน และ แครี่บอย ซึ่งมีทั้งการสาธิตใช้งานเต็นท์หลังคารถ และการจัดแสดงอุปกรณ์แบบพกพาสำหรับใช้งานกลางแจ้ง พร้อมจัดเต็มกับปาร์ตี้มื้อค่ำ และมินิคอนเสิร์ตจากแพรว คณิตกุล ลูกค้าและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ มุ่งสร้างสังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ – 19 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทางภาคตะวันตกแห่งแรก และเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 7 ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ จากเป้าหมายที่มุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ขนาด 50 กิโลวัตต์ ให้แก่แต่ละโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ ตามแนวทางโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมด้าน ‘สิ่งแวดล้อม’ ที่มุ่งสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ของแผนการดำเนินงานเพื่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ ผ่านหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ มร. ยาซุโนริ โคะยะนะกิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่ง ฝ่ายบริการหลังการขาย และฝ่ายบริการข้อมูลเทคนิค บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ได้รับการริเริ่มขึ้นในปี 2565 โดยเกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนของเรา ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) มีเป้าหมายในการมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนให้กับโรงพยาบาล และยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีให้กับคนไทย พร้อมส่งเสริมเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนเป็นกลาง ทั้งนี้ เราได้วางแผนใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 60 ล้านบาทเพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ รวมถึงค่าบำรุงรักษาในโรงพยาบาลชุมชน 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ โดยคาดว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ยได้กว่า 30 ตันคาร์บอนต่อปี” นายแพทย์ชัช จันทร์ขำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และพันธมิตรผู้สนับสนุนโครงการทุกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่ทางโรงพยาบาล ซึ่งช่วยให้ค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลลดลงหลังจากการติดตั้ง ทำให้เราสามารถนำงบประมาณส่วนนี้มาพัฒนาการดำเนินงานส่วนต่าง ๆ ของโรงพยาบาล เพื่อให้บริการและดูแลคนในชุมชนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ชุมชนของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น” นายแพทย์กฤษดา วุธยากร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเสริมว่า “ในฐานะตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรโครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ถือได้ว่าโครงการนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนาประเทศชาติให้ได้ใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลชุมชนแต่ละแห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้สูงสุดถึง 400,000 บาทต่อปี โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำมาซึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีเป้าหมายที่จะมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายใน 10 ปี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ โดยที่ผ่านมา ได้ทำการส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ ให้กับโรงพยาบาลชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง โรงพยาบาลวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลปง จังหวัดพะเยา โรงพยาบาลชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี