ข่าวประชาสัมพันธ์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จ ผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน

กรุงเทพฯ – 4 มิถุนายน 2561: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ< มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เฉลิมฉลองอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยหลังจากผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคันที่ศูนย์การผลิตแหลมฉบัง โดยรถยนต์คันที่ 5 ล้าน คือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต

โดยพิธีฉลองดังกล่าวได้รับเกียรติจาก ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มร. ชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำประเทศไทย และ มร. โอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุนของไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงแขกผู้มีเกียรติ บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน หุ้นส่วนทางธุรกิจ สื่อมวลชน และพนักงานเข้าร่วมงาน

ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวแสดงความยินดีกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่นและ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สำหรับความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และรัฐบาลไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ดร. สมคิดกล่าวว่า “ความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในวันนี้เน้นย้ำบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนสู่การเติบโตของประเทศไทย ทั้งนี้การเติบโตและความยึดมั่นต่อการดำเนินธุรกิจของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย รวมถึงความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายด้านเศรษฐกิจที่ตั้งไว้ได้” ดร. สมคิดกล่าวสรุป

มร. โอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและความร่วมมือที่ได้รับจากรัฐบาลไทย โดยได้กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นอยู่เสมอในศักยภาพการเติบโตของตลาดประเทศไทย นโยบายในระยะยาวของไทยที่มุ่งสร้างการเติบโตให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีส่วนสนับสนุนธุรกิจของเราเป็นอย่างดี”

ศูนย์การผลิตแหลมฉบังนับว่าเป็นศูนย์การผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เราผลิตได้ถึง 424,000 คันต่อปี และสามารถส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก กำลังการผลิตในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในระดับโลก

มร. โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวระหว่างพิธีฉลองครั้งนี้ว่า “เราจะเดินหน้าคิดค้นเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อีกทั้งจะยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม และยกร ะดับเทคโนโลยีไปพร้อมการพัฒนาบุคลากรของเรา เพื่อความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรอบด้าน เราจะส่งมอบยานยนต์ที่เพียบพร้อมครบครัน มั่นใจได้ในทุกการขับขี่ และมอบอรรถประโยชน์ในการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งหมดนี้นับเป็นพื้นฐานของการขับเคลื่อนกลยุทธ์ระดับโลกของเรา “Drive your Ambition” พันธสัญญาจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มีต่อผู้ขับขี่ทุกคน”

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2504 และผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคันในปี พ.ศ. 2546 ก่อนจะผลิตครบ 2 ล้านคันในปี พ.ศ. 2553 และผลิตครบ 3 ล้านคันในปี พ.ศ. 2556 ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยได้ผลิตรถยนต์ครบ 4 ล้านคันในปี พ.ศ. 2558 ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น

โดยในจำนวนการผลิต 5 ล้านคันนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ผลิตเพื่อส่งออก 3.7 ล้านคันไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก โดยก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ทำการฉลองการส่งออกรถยนต์ครบ 3 ล้านคันไปเมื่อปี พ.ศ. 2559

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยมีโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โรงงานแห่งแรกเปิดทำการในปี พ.ศ. 2535 และโรงงานแห่งที่สองซึ่งมุ่งเน้นการผลิตรถกระบะขนาดหนึ่งตันเปิดทำการในปี พ.ศ. 2539 มิตซูบิชิ มอเตอร์สได้เข้าร่วมโครงการ Thailand Product Champion โครงการแรกของประเทศ เพื่อสนับสนุนและผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกรถกระบะ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เข้าร่วมโครงการ Thailand Product Champion ครั้งที่สอง หรือโครงการอีโคคาร์และลงทุนสร้างโรงงานแห่งที่สามซึ่งเริ่มผลิตรถยนต์อีโคคาร์ในปี พ.ศ. 2555 นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยยังมีโรงงานผลิตเครื่องยนต์สำหรับจัดจำหน่ายในประเทศและเพื่อการส่งออก

ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีพนักงานมากกว่า 6,650 คน ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและยกระดับบทบาทของบริษัทฯ ในกลุ่ม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังพร้อมด้วยศูนย์บรรจุชิ้นส่วนเพื่อการส่งออก สนามทดสอบรถยนต์ และศูนย์การฝึกอบรมแห่งใหม่ในนาม สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

###

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยี เพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2558 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เฉลิมฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 4 ล้านคัน ผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยประกอบด้วย รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน รถพีพีวี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต และรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด 
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด

ความคิดเห็น

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ มอบ 100 ทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนไทย

กรุงเทพฯ – 5 มกราคม 2567: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มอบทุนการศึกษา 100 ทุน ให้แก่เด็กนักเรียนไทย ผ่านโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษา ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้ทำตามความฝันและยกระดับคุณภาพชีวิต โดยทุนการศึกษาทั้งหมดมอบให้แก่เด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน สอดคล้องกับปณิธานของบริษัทฯ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาและพร้อมตอบแทนสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง มร. ชิน คุโบะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการศึกษาสามารถจะยกระดับคุณภาพชีวิตได้ และช่วยสร้างผลกระทบด้านบวกต่อการพัฒนาประเทศไทยในทุกมิติ การริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ด้วยการร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) คือโครงการเพื่อสังคมโครงการแรกของมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สอดคล้องกับความมุ่งมั่นและปณิธานของเราที่จะ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’” “เรามอบทุนการศึกษาทั้งหมด 100 ทุนให้แก่นักเรียนทุกปีผ่านโครงการนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา เรามีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องทุกปีเพื่อสนับสนุนเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี และสามารถใช้ประโยชน์จากทุนเพื่อการศึกษาต่อและเติบโตขึ้นเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในอนาคต” มร. คุโบะ กล่าวเพิ่มเติม โครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ด้วยความร่วมมือกับกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีเป้าหมายเพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1-3 ในประเทศไทยที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อีกทั้ง ต้องการการสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน ในปี 2566 มีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน 79 คนในจังหวัดชลบุรี และนักเรียนที่กำลังศึกษา อยู่ในจังหวัดปทุมธานีอีก 21 คน โดยเด็กนักเรียนทั้งหมดที่ได้รับทุนกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่อยู่ใน พื้นที่ตั้งของศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และอยู่ในพื้นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี สำหรับโครงการนี้ ได้ดำเนินการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนมาแล้ว 4 ปีติดต่อกัน รวมทั้งสิ้น 374 ทุน รวมมูลค่า 1.68 ล้านบาท ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์เพียงรายเดียวที่มีความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ณ พิธีมอบทุนการศึกษาที่จังหวัดปทุมธานี น้อง ๆ นักเรียนยังได้มีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และ DENDO DRIVE HOUSE ซึ่งสาธิตระบบการชาร์จไฟสองทิศทาง ทำให้รถอเนกประสงค์รุ่นนี้สามารถใช้เป็นแหล่งจัดเก็บพลังงานเคลื่อนที่และจ่ายไฟฟ้ากลับสู่ที่พักอาศัยได้ นอกจากนี้ น้องๆนักเรียนยังได้สัมผัสความปราดเปรียวและสมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลังของ รถออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และ รถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่เด็กนักเรียนในจังหวัดชลบุรียังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงาน 2 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของบริษัทฯ นางสาววิภาวี บุรุษหงส์ หัวหน้ายุทธศาสตร์ การมีส่วนร่วมและการระดมทุน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า “ในนามของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อร่วมสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นปีที่ 4 โดยในปีนี้ เราได้ร่วมสร้างโอกาสให้แก่ น้อง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและปทุมธานี รวม 100 ทุน ที่ผ่านมา กสศ. ได้พยายามสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนความเสมอภาคทางการศึกษาภายใต้หลักคิดปวงชนเพื่อการศึกษา หรือ All for Education เราพยายามกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ในการหยุดปัญหาความยากจนข้ามรุ่น และสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาเพื่อให้เด็ก ๆ ที่มีความฝันและเปี่ยมด้วยศักยภาพได้มีอนาคตที่ดีขึ้นต่อไป” มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2563 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยด้วยการดำเนินงานผ่านหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ความรับผิดชอบต่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในไทย มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์

กรุงเทพฯ – 21 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดนครราชสีมา จัดเต็มความสุขและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์ตัวจริงและสายแคมป์มือใหม่ ด้วยหลากหลายกิจกรรมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กชอปงานศิลปะ อาทิ การพับกระดาษแบบญี่ปุ่นโอริกามิ (Origami) และ ว่าว Crafty Kite กิจกรรมทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิ หลากหลายรุ่น ในฐานทดสอบที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงสัมผัสที่สุดแห่งประสบการณ์ความเร้าใจกับการนั่งรถบนสนามทดสอบเส้นทางธรรมชาติ โดยฝีมือการขับของ ‘โอม’ ชยพล โยธา เจ้าของแชมป์ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2022 มร. อินาบะ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้าผ่านการจัดกิจกรรม Star Camp ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น นับตั้งแต่ที่ได้เริ่มจัดครั้งแรกในปี 2534 โดยตลอด 32 ปีที่ผ่านมา กิจกรรมนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ต่อแนวคิด ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการสร้างประสบการณ์การขับขี่ เพื่อเติมเต็มความสนุกเร้าใจให้กับการใช้งานที่แตกต่างหลากหลายของลูกค้า” “ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกที่ได้ริเริ่มจัดกิจกรรม Star Camp นอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งงานนี้ช่วยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ชื่นชอบการออกทริปเอาท์ดอร์ได้ใช้เวลาคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจร่วมกันกับครอบครัวและเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ต่อการสร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลาย โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวแรกที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้สนุกไปกับกิจกรรมพิเศษจากพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้งและสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำมากมาย ได้แก่ โคลแมน ทีเจเอ็ม มอเตอร์โฮม แอนด์ คาราวาน และ แครี่บอย ซึ่งมีทั้งการสาธิตใช้งานเต็นท์หลังคารถ และการจัดแสดงอุปกรณ์แบบพกพาสำหรับใช้งานกลางแจ้ง พร้อมจัดเต็มกับปาร์ตี้มื้อค่ำ และมินิคอนเสิร์ตจากแพรว คณิตกุล ลูกค้าและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ มุ่งสร้างสังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ – 19 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทางภาคตะวันตกแห่งแรก และเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 7 ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ จากเป้าหมายที่มุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ขนาด 50 กิโลวัตต์ ให้แก่แต่ละโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ ตามแนวทางโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมด้าน ‘สิ่งแวดล้อม’ ที่มุ่งสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ของแผนการดำเนินงานเพื่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ ผ่านหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ มร. ยาซุโนริ โคะยะนะกิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่ง ฝ่ายบริการหลังการขาย และฝ่ายบริการข้อมูลเทคนิค บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ได้รับการริเริ่มขึ้นในปี 2565 โดยเกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนของเรา ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) มีเป้าหมายในการมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนให้กับโรงพยาบาล และยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีให้กับคนไทย พร้อมส่งเสริมเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนเป็นกลาง ทั้งนี้ เราได้วางแผนใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 60 ล้านบาทเพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ รวมถึงค่าบำรุงรักษาในโรงพยาบาลชุมชน 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ โดยคาดว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ยได้กว่า 30 ตันคาร์บอนต่อปี” นายแพทย์ชัช จันทร์ขำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และพันธมิตรผู้สนับสนุนโครงการทุกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่ทางโรงพยาบาล ซึ่งช่วยให้ค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลลดลงหลังจากการติดตั้ง ทำให้เราสามารถนำงบประมาณส่วนนี้มาพัฒนาการดำเนินงานส่วนต่าง ๆ ของโรงพยาบาล เพื่อให้บริการและดูแลคนในชุมชนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ชุมชนของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น” นายแพทย์กฤษดา วุธยากร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเสริมว่า “ในฐานะตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรโครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ถือได้ว่าโครงการนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนาประเทศชาติให้ได้ใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลชุมชนแต่ละแห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้สูงสุดถึง 400,000 บาทต่อปี โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำมาซึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีเป้าหมายที่จะมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายใน 10 ปี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ โดยที่ผ่านมา ได้ทำการส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ ให้กับโรงพยาบาลชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง โรงพยาบาลวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลปง จังหวัดพะเยา โรงพยาบาลชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี