ข่าวประชาสัมพันธ์

ประกาศผลรายชื่อผู้โชคดีแคมเปญ Let’s Gold ลุ้นทอง ลุ้นเที่ยว ลุ้นล้าน

รางวัลสร้อยคอทองคำ 96.5 % มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 10 รางวัล รวมมูลค่า 1,000,000 บาท

     1. จุฬาลักษณ์    ภูบุญเต็ม
     2. กันยกร    ขุมทรัพย์
     3. กานต์ติมา    วรดี
     4. เทียนชัย    ไม้เขียว
     5. พิพัฒน์    ทรงอักษร
     6. ปาริชาติ    พรพิสิฏฐ์โชค
     7. จำนงค์    ใจศรี
     8. สมพร    คงสมาน
     9. ปริวัฒน์    การประไพ
     10. วารุณี    อุ่นเมือง

บัตรกำนัลที่พักโรงแรมและส่วนลดจากโรงแรมในเครือ Centara มูลค่ารางวัลละ 45,000 บาท จำนวน 50 รางวัล รวมมูลค่า 2,250,000 บาท

     1. จันทิมา    จารุพรรณ
     2. ปฐมวุฒิ    ม่วงศิริ
     3. สิทธิพงศ์    ข้างแก้ว
     4. นเรศ    เสาร์คำน้อย
     5. กิตติยา    เด็ดแก้ว
     6. หฤทัย    พิงไธสง
     7. วันชัย    อุไรฤกษ์กุล
     8. ชนะภัย    ธนพัฒปัญญาพนต์
     9. วันเพ็ญ    สวนสนิท
     10. อภิชาติ    ศิริสมบูรณ์
     11. ประจักร    แนวทอง
     12. บุญเลิศ    คาบุตรดี
     13. ปวิช    พลเดชา
     14. จิราภรณ์    อินทำมา
     15. อารีย์    เจริญมี
     16. คณาพจน์    โพโต
     17. นพรัตน์    แสงอรุณ
     18. ภาวินี    สุวิทยาคม
     19. นิรุตติ์  ประคองทรัพย์    
     20. จิริภรณ์    โพธิ์ศรี
     21. หริศร์    เก็งวินิจ
     22. วีรยุทธ    ศิริสุนทรอนันต์
     23. ชาญชัย    มานะจิตประเสริฐ
     24. ดาหวัน    ประทุมพงษ์
     25. อานนท์    แจ่มมิน
     26. อาทิตย์    จินดาอ่อน
     27. วราศรี    อุไรวรรณชัย
     28. นันทชา    สุขปัญญานนท์
     29. PAVEL    MATYTSYN
     30. สไหว    แจ๊กสัน
     31. อัมพร    สุขสวัสดิ์
     32. ชวิศ    วิลาศ
     33. อภิญญา    จิตชื่น
     34. อังคนา    ธารธรเจริญ
     35. นพชัย    มั่นเมือง
     36. ประมวล    ไขแสง
     37. สายันห์    ลอบพลอย
     38. วีระชัย    เหมือนจันทร์เชย
     39. กัลยา    แก้วผ่อน
     40. กรรณิกา    เทศเจริญ
     41. สุวารี    บ่องาม
     42. วรลักษณ์    ไพบูลย์ฟุ้งเฟื่อง
     43. อนุวัตร    เดชคง
     44. จิรยุทธ    อัตภูมิ
     45. พรชัย    ยวงสุวรรณ
     46. ทรงชัย    สมตัว
     47. อนุธิดา    คำแสนแก้ว
     48. ปิณฑิรา    พงศ์ธไนศวรรย์
     49. ประกิจ    โสตถินิรันดร
     50. อนุสรา    อู่สุวรรณ์

ผู้โชคดีจะได้รับข้อความยืนยันและการติดต่อกลับผ่านทางโทรศัพท์ โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัท ภายใน 7 วันหลังจากการประกาศรางวัล

 

ความคิดเห็น

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ มอบ 100 ทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนไทย

กรุงเทพฯ – 5 มกราคม 2567: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มอบทุนการศึกษา 100 ทุน ให้แก่เด็กนักเรียนไทย ผ่านโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษา ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้ทำตามความฝันและยกระดับคุณภาพชีวิต โดยทุนการศึกษาทั้งหมดมอบให้แก่เด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน สอดคล้องกับปณิธานของบริษัทฯ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาและพร้อมตอบแทนสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง มร. ชิน คุโบะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการศึกษาสามารถจะยกระดับคุณภาพชีวิตได้ และช่วยสร้างผลกระทบด้านบวกต่อการพัฒนาประเทศไทยในทุกมิติ การริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ด้วยการร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) คือโครงการเพื่อสังคมโครงการแรกของมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สอดคล้องกับความมุ่งมั่นและปณิธานของเราที่จะ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’” “เรามอบทุนการศึกษาทั้งหมด 100 ทุนให้แก่นักเรียนทุกปีผ่านโครงการนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา เรามีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องทุกปีเพื่อสนับสนุนเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี และสามารถใช้ประโยชน์จากทุนเพื่อการศึกษาต่อและเติบโตขึ้นเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในอนาคต” มร. คุโบะ กล่าวเพิ่มเติม โครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ด้วยความร่วมมือกับกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีเป้าหมายเพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1-3 ในประเทศไทยที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อีกทั้ง ต้องการการสนับสนุนการศึกษา มิให้ขาดตอน ในปี 2566 มีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน 79 คนในจังหวัดชลบุรี และนักเรียนที่กำลังศึกษา อยู่ในจังหวัดปทุมธานีอีก 21 คน โดยเด็กนักเรียนทั้งหมดที่ได้รับทุนกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่อยู่ใน พื้นที่ตั้งของศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และอยู่ในพื้นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี สำหรับโครงการนี้ ได้ดำเนินการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนมาแล้ว 4 ปีติดต่อกัน รวมทั้งสิ้น 374 ทุน รวมมูลค่า 1.68 ล้านบาท ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์เพียงรายเดียวที่มีความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ณ พิธีมอบทุนการศึกษาที่จังหวัดปทุมธานี น้อง ๆ นักเรียนยังได้มีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และ DENDO DRIVE HOUSE ซึ่งสาธิตระบบการชาร์จไฟสองทิศทาง ทำให้รถอเนกประสงค์รุ่นนี้สามารถใช้เป็นแหล่งจัดเก็บพลังงานเคลื่อนที่และจ่ายไฟฟ้ากลับสู่ที่พักอาศัยได้ นอกจากนี้ น้องๆนักเรียนยังได้สัมผัสความปราดเปรียวและสมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลังของ รถออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และ รถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่เด็กนักเรียนในจังหวัดชลบุรียังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงาน 2 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของบริษัทฯ นางสาววิภาวี บุรุษหงส์ หัวหน้ายุทธศาสตร์ การมีส่วนร่วมและการระดมทุน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า “ในนามของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ริเริ่มโครงการ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน’ เพื่อร่วมสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นปีที่ 4 โดยในปีนี้ เราได้ร่วมสร้างโอกาสให้แก่ น้อง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและปทุมธานี รวม 100 ทุน ที่ผ่านมา กสศ. ได้พยายามสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนความเสมอภาคทางการศึกษาภายใต้หลักคิดปวงชนเพื่อการศึกษา หรือ All for Education เราพยายามกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ในการหยุดปัญหาความยากจนข้ามรุ่น และสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาเพื่อให้เด็ก ๆ ที่มีความฝันและเปี่ยมด้วยศักยภาพได้มีอนาคตที่ดีขึ้นต่อไป” มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2563 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยด้วยการดำเนินงานผ่านหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ความรับผิดชอบต่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในไทย มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์

กรุงเทพฯ – 21 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ จัดกิจกรรม ‘Star Camp’ ครั้งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดนครราชสีมา จัดเต็มความสุขและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจสายแคมป์ตัวจริงและสายแคมป์มือใหม่ ด้วยหลากหลายกิจกรรมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กชอปงานศิลปะ อาทิ การพับกระดาษแบบญี่ปุ่นโอริกามิ (Origami) และ ว่าว Crafty Kite กิจกรรมทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิ หลากหลายรุ่น ในฐานทดสอบที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงสัมผัสที่สุดแห่งประสบการณ์ความเร้าใจกับการนั่งรถบนสนามทดสอบเส้นทางธรรมชาติ โดยฝีมือการขับของ ‘โอม’ ชยพล โยธา เจ้าของแชมป์ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2022 มร. อินาบะ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้าผ่านการจัดกิจกรรม Star Camp ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น นับตั้งแต่ที่ได้เริ่มจัดครั้งแรกในปี 2534 โดยตลอด 32 ปีที่ผ่านมา กิจกรรมนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ต่อแนวคิด ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการสร้างประสบการณ์การขับขี่ เพื่อเติมเต็มความสนุกเร้าใจให้กับการใช้งานที่แตกต่างหลากหลายของลูกค้า” “ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกที่ได้ริเริ่มจัดกิจกรรม Star Camp นอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งงานนี้ช่วยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ชื่นชอบการออกทริปเอาท์ดอร์ได้ใช้เวลาคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจร่วมกันกับครอบครัวและเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ต่อการสร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลาย โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวแรกที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้สนุกไปกับกิจกรรมพิเศษจากพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้งและสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำมากมาย ได้แก่ โคลแมน ทีเจเอ็ม มอเตอร์โฮม แอนด์ คาราวาน และ แครี่บอย ซึ่งมีทั้งการสาธิตใช้งานเต็นท์หลังคารถ และการจัดแสดงอุปกรณ์แบบพกพาสำหรับใช้งานกลางแจ้ง พร้อมจัดเต็มกับปาร์ตี้มื้อค่ำ และมินิคอนเสิร์ตจากแพรว คณิตกุล ลูกค้าและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ มุ่งสร้างสังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ – 19 ธันวาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์แก่โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทางภาคตะวันตกแห่งแรก และเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 7 ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ จากเป้าหมายที่มุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ขนาด 50 กิโลวัตต์ ให้แก่แต่ละโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ ตามแนวทางโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมด้าน ‘สิ่งแวดล้อม’ ที่มุ่งสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ของแผนการดำเนินงานเพื่อสังคม ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ ผ่านหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ มร. ยาซุโนริ โคะยะนะกิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่ง ฝ่ายบริการหลังการขาย และฝ่ายบริการข้อมูลเทคนิค บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ได้รับการริเริ่มขึ้นในปี 2565 โดยเกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนของเรา ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) มีเป้าหมายในการมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนให้กับโรงพยาบาล และยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีให้กับคนไทย พร้อมส่งเสริมเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนเป็นกลาง ทั้งนี้ เราได้วางแผนใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 60 ล้านบาทเพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ รวมถึงค่าบำรุงรักษาในโรงพยาบาลชุมชน 40 แห่ง ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ของโครงการ โดยคาดว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ยได้กว่า 30 ตันคาร์บอนต่อปี” นายแพทย์ชัช จันทร์ขำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และพันธมิตรผู้สนับสนุนโครงการทุกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่ทางโรงพยาบาล ซึ่งช่วยให้ค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลลดลงหลังจากการติดตั้ง ทำให้เราสามารถนำงบประมาณส่วนนี้มาพัฒนาการดำเนินงานส่วนต่าง ๆ ของโรงพยาบาล เพื่อให้บริการและดูแลคนในชุมชนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ชุมชนของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น” นายแพทย์กฤษดา วุธยากร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเสริมว่า “ในฐานะตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรโครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ถือได้ว่าโครงการนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนาประเทศชาติให้ได้ใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลชุมชนแต่ละแห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้สูงสุดถึง 400,000 บาทต่อปี โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำมาซึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีเป้าหมายที่จะมุ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 40 แห่ง ภายใน 10 ปี ภายใต้โครงการ ‘Solar For Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ โดยที่ผ่านมา ได้ทำการส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ ให้กับโรงพยาบาลชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง โรงพยาบาลวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลปง จังหวัดพะเยา โรงพยาบาลชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี